วันที่: 25 กรกฎาคม 2556
ที่มา: ไทยโพสต์ ออนไลน์
ลิงค์: www.thaipost.net/news/250713/76875



  "อภ." โดนอีกแล้ว "หมอประดิษฐ" สั่งหาคนรับผิดชอบกรณียาหัวใจหมดสต็อก เคืองยาไม่พอมา 2 ครั้ง ทำให้ต้องซื้อจากเม็ดละ 1.40 บาทเป็นเม็ดละ 12 บาท ลั่นทำเพื่อประชาชน

    นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณียาโรคหัวใจโคลพิโดเกรลซึ่งเป็นยาที่มีการทำซีแอล โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จ่ายให้กับหน่วยบริการ ใกล้หมดคลังยา เนื่องจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งมีหน้าที่จัดหายาให้ สปสช. แต่ไม่สามารถจัดหาได้ เพราะบริษัทในประเทศอินเดียไม่วัตถุดิบให้ อภ. ว่า เป็นเรื่องของฝ่ายปฏิบัติ แต่ได้กำชับไปแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ก่อนหน้านี้ผู้ผลิตส่งยาไม่ได้คุณภาพ ทำให้ต้องไปจัดซื้อยาจากบริษัทอื่นจากเม็ดละ 1.40 บาท เป็นเม็ดละ 12 บาท มาครั้งนี้ไม่สามารถจัดส่งได้ตามระยะเวลา ทำให้เกิดปัญหายาขาดและเตรียมจัดซื้อยาจากแหล่งอื่นทดแทน ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ จึงได้บอกทางประธานบอร์ด อภ.ว่า ขอให้ไปดูในส่วนผู้รับผิดชอบว่าเหตุใดปล่อยให้เกิดปัญหายาขาดสต็อกทั้งที่ยานี้นำเข้ามานานแล้ว

    รมว.สธ.กล่าวต่อว่า ได้ให้นโยบาย สปสช. และ อภ.ว่าต้องแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดสถานการณ์คับขันแล้วอ้างว่าต้องซื้อยาราคาแพงมาให้ผู้ป่วย และไม่อยากให้ถูกมองว่าเอาประชาชนเป็นตัวประกัน หากต้องซื้อยาแพงคงต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงและหาคนรับผิดชอบ

    ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. กล่าวถึงกรณียาโคลพิโดเกรล 1 ล้านเม็ด ที่ อภ.ซื้อมาเก็บไว้จนใกล้หมดอายุ แต่ได้แลกเปลี่ยนยาล็อตใหม่แล้วว่า รักษาการ ผอ.อภ.รายงานว่ายังไม่ได้ขายยาดังกล่าวให้ สปสช. และในตอนนี้ อภ.กำลังเร่งประสานงานกับบริษัทยาประเทศอินเดียว่าเกิดปัญหาอะไร เพื่อให้เร่งรัดจัดส่งยาให้กับ อภ. เพราะเดิมจะต้องจัดส่งตั้งแต่เดือน มิ.ย.แล้ว กรณีล่าช้าต้องมีการปรับตามสัญญา เมื่อถามว่าในอนาคต อภ.ต้องหายาโคลพิโดเกรลจากแหล่งอื่นเพิ่มหรือไม่ นพ.พิพัฒน์กล่าวว่า ได้สั่งการให้หาแหล่งจำหน่ายยานี้เพิ่มเติมแล้ว ซึ่งมี 1 แห่งเป็นบริษัทในอินเดียเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ปัญหาอีก ทราบว่าบริษัทได้ส่งเอกสารมาให้ อภ.ตรวจสอบแล้ว

    ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษก สปสช. กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับตัวแทน อภ.ว่า ยานี้ซื้อจากบริษัทยาในอินเดียสำหรับผู้ป่วย 3 กองทุน แต่บริษัทไม่สามารถส่งของได้ โดยแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องวัตถุดิบ แต่ไม่ได้ระบุว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพหรือวัตถุดิบไม่เพียงพอ ดังนั้น อภ.จะกลับไปหารือเป็นการภายใน และอาจเรียกบริษัทมาคุยว่าจะส่งของให้เร็วที่สุดได้เมื่อไหร่ แล้วทาง อภ.จะแจ้งให้ สปสช.ทราบอีกครั้ง สำหรับราคายาซีแอล แต่ละล็อตไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 1บาทกว่า ไปจนถึง 3 บาท แต่ถูกกว่าราคาตลาดแน่นอน

    “ถ้ามองโลกในแง่ดี ถ้าจัดการได้ก็จบ แต่ถ้ายังจัดการไม่ได้ ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร หลักการคือทำอย่างไรให้ รพ.เดือดร้อนน้อยที่สุด และไม่สิ้นเปลืองงบประมาณของรัฐมากเกินความจำเป็น ปัญหาที่เรากลัวและสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือถ้ามันต้องซื้อ ถ้าสถานการณ์ปกติและยามันขึ้นราคา โดยมีเหตุที่มันขึ้นราคาหรือเป็นภาวะตลาดมันก็ต้องขึ้น เราก็จะได้บอกสังคมว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ แต่ถ้าไม่มีเหตุไม่มีผลและอยู่ๆ ไปขึ้นราคา คนจะสงสัยและเคลือบแคลงได้ว่า สปสช.ไปมีนอกมีในกับเขาหรือเปล่า” ทพ.อรรถพรกล่าว.