search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6517322
การเปิดหน้าเว็บ:9360476
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  เตือน "ยาคุม" ไม่รักษาสิว ช่วยผิวเปล่งปลั่ง กินมากรับฮอร์โมนเยอะเสี่ยงฝ้า - มะเร็ง
  26 สิงหาคม 2558
 
 


ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์     
ลิงค์: www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9580000096897    



สมาคมแพทย์ผิวหนังฯ ชี้ กินยาคุมไม่ได้รักษาสิว ช่วยผิวพรรณเปล่งปลั่ง เหตุยาคุมมีหลายประเภท มีแค่บางตัวที่ตอบสนองสิวฮอร์โมนดี เตือนเป็นโรคเลือด ไมเกรน มะเร็งเต้านม ตั้งครรภ์ ไม่ควรซื้อกินเอง แนะอยากผิวใสให้ดื่มน้ำมาก ๆ เลี่ยงแดด ออกกำลังกาย กินผักผลไม้ พักผ่อนเพียงพอ

       
       ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สาว ๆ สมัยนี้ต่างก็อยากมีผิวขาวใส ไร้สิว ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน แต่วิธีหนึ่งที่เป็นที่นิยมทั้งหญิงแท้และหญิงเทียม คือ การกินยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันสิว โดยส่วนใหญ่เกิดจากความเชื่อจากคำบอกเล่าของเพื่อน ๆ หรือได้รับคำแนะนำจากร้านค้าหรือศึกษาด้วยตนเองจากเว็บไซต์ ทั้งนี้ การมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะแน่นอนว่า จะทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ซึ่งในยาคุมจะมีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน แต่ความจริงคือยาคุมกำเนิดมีหลายประเภท บางชนิดมีเอสโตรเจนอย่างเดียว บางชนิดมีเอสโตรเจนผสมโปรเจสเตอโรนในเม็ดเดียว บางชนิดมีโปรเจอเตอโรนอย่างเดียว ดังนั้น การที่บอกว่ายาคุมทุกชนิดทำให้ผิวพรรณดีขึ้นไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ที่ต้องคำนึงอีกประการ คือ หากรับฮอรโมนเอสโตรเจนเยอะก็อาจทำให้เกิดฝ้าและมะเร็งเต้านมได้ รวมถึงมีผลทำให้ผนังมดลูกหนาตัวมากไป มีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งทางระบบสืบพันธุ์
       
       "ส่วนโปรเจสเตอโรน เป็นตัวแอนติแอนโตรเจน เมื่อกินเข้าไปจะเกิดการคั่งของน้ำ บวมน้ำ สังเกตว่าเวลามีประจำเดือน จะรู้สึกว่าตัวเราเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล หน้าอกใหญ่ขึ้น สะโพกผาย เพราะว่าน้ำคั่งขึ้นมานั่นเอง ฉะนั้น จะพูดว่ากินยาคุมแล้วผิวเปล่งปลั่งก็ไม่ได้ หรือจะบอกว่ากินยาคุมแล้วรักษาสิวก็ไม่ได้ กินยาคุมแล้วจะเกิดฝ้าก็ไม่ใช่ หรือ ทานยาคุมแล้วอ้วนก็ไม่ถูก อันนี้แล้วแต่ชนิดของยาคุมด้วย ซึ่งยาคุมกำเนิดบางชนิดตอบสนองได้ดีกับสิวที่เกิดจากฮอร์โมน" ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าว
       
       พญ.สุวิรากร กล่าวว่า การเกิดสิวมีหลายสาเหตุ เช่น ต่อมไขมันทำงานเยอะ เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนกลุ่มแอนโดรเจนมากระตุ้น และมีการอุดตันที่ผิวหนัง แบคทีเรีย P.acne เพิ่มจำนวน เข้าไปทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเราจะสังเกตว่าคนไข้มีสิวจากฮอร์โมนหรือไม่นั้น ข้อสังเกต คือ สิวมักจะเห่อทุกรอบเดือนช่วงประจำเดือนมาจะมีสิวมาก พอประจำเดือนหมดสิวก็ยุบพอประจำเดือนมาสิวก็เยอะอีก สิวพวกนี้จะตอบสนองจากฮอร์โมนค่อนข้างดี หรือผู้ที่มีลักษณะของฮอร์โมนเพศชายเยอะ มีหนวด ขนยาว สิวรักษาไม่ค่อยตอบสนองกับการรักษาทั่วไป ประจำเดือนไม่ปกติ อาจจะเป็นถุงน้ำในรังไข่ Polycytic ovarian syndrome (PCOS) กลุ่มนี้ก็ตอบสนองต่อยาคุมดี
       
       "เรื่องที่จะทำให้มีผิวขาวใส ไม่มีสิว อยู่ที่การดูแล เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิว หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ใช้ครีมกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิว สวมหมวก หรือกางร่มช่วยกันแดด รับประทานอาหารจำพวกผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เครียด ไม่สูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่มีผู้สูบบุหรี่เยอะ ดูแลระบบขับถ่าย ให้ปกติ ก็จะมีผิวสวยใสได้ โดยไม่ต้องใช้ยาคุม" ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวและว่า ยาคุมกำเนิดเป็นข้อบ่งชี้ที่ทำมาเพื่อคุมกำเนิด แต่ผลข้างเคียงที่มีประโยชน์ คือ ช่วยรักษาสิว ลดอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนทานได้ กลุ่มคนที่ไม่ควรยุ่งกับยาคุมกำเนิดเลย คือ คนที่มีโรคประจำตัวประเภทโรคเลือด ที่มีการแข็งตัวผิดปกติ คนที่เป็นไมเกรนแบบมาก ๆ โรคตับ โรคไต มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก คนที่ตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงซื้อยาคุมกำเนิดกินเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน