Mcot.net : วันจันทร์ ที่ 30 สิงหาคม 2553
กรุงเทพฯ 30 ส.ค. - สธ. จุฬาฯ-สสส.จัดโครงการปลุกสังคม ฉลาดใช้ยา หวังให้คนไทยลดการใช้ยาปฏิชีวนะ แก้ปัญหาการดื้อยา หลังพบวัยรุ่นนิยมบริโภคผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เช่น กาแฟ อาหารเสริม ยาลดน้ำหนัก และประชาชนใช้ยาปฏิชีวนะในโรคที่ไม่จำเป็นถึงร้อยละ 80 ในกรุงเทพฯ ส่งผลกระทบให้ต้องใช้ยาแพงขึ้น
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงสาธารณสุข ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เรื่องการรณรงค์ใช้ยาอย่างเหมาะสมเพื่อลดพฤติกรรมการใช้ยาเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นสาเหตุของการดื้อยาโดย ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จะจัดโครงการประกวดสื่อสาธารณะเพื่อให้นักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมแข่งขันสร้างสื่อ ปลุกความเข้าใจ เรื่องการใช้ยา ในสื่อหลายรูปแบบ ทั้งโปสเตอร์ ภาพยนตร์สั้น ประกวดสุนทรพจน์ ในแนวคิด อย่าใช้ยาปฏิชีวนะ ถ้าไม่จำเป็น โดยพบข้อมูลในวัยรุ่น มักบริโภคผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน เช่น กาแฟ อาหารเสริม ยาลดน้ำหนัก จนทำให้เกิดภาวะกดประสาท เกิดภาพหลอน
ด้าน ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักการสร้างเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยง กล่าวว่า สาเหตุสำคัญของเชื้อดื้อยาเกิดจากพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะของคนไทยที่พบว่า ใช้ในโรคที่ไม่จำเป็น เช่น ไข้หวัด มีถึงร้อยละ 40-60 ในภูมิภาค และร้อยละ 70-80 ในกรุงเทพมหานคร โดยภาวะดื้อยาทำให้ต้องใช้ยาแพงขึ้น ใช้เวลาฟื้นตัวยาวขึ้น ซึ่งประเทศไทยนำเข้าและผลิตกลุ่มยาปฏิชีวนะ สูงเป็นอันดับ 1 ของยาทั้งหมด หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท ประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ยาเพนิซิลลิน และอิริโธมัยซินที่เคยรักษาปอดบวมได้ผล เริ่มดื้อยา จนในที่สุดมีการผลิตยาตัวใหม่ ทำให้การรักษาโรคนี้ยากขึ้น
ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า อาการไม่พึงประสงค์จากผลของการดื้อยา ในปี 2551 รวม 333,456 ราย ในกลุ่มอายุ 31-45 ปี มากที่สุด ส่วนยาปฏิชีวนะ 3 อันดับแรกของยาที่ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์นำไปสู่การดื้อยา คือ 1.เซฟไตรอะโซน ซึ่งเป็นกลุ่มยาออกฤทธิ์กว้าง แพทย์ใช้เป็นยาฉีดครอบคลุมการฆ่าเชื้อในวงกว้าง 2.อะม็อกซีซิลีน ส่วนมากใช้แก้หวัด แก้อักเสบ และ 3.ไอบูโปรเฟน ที่ใช้แก้หวัดเช่นกัน กระบวนการสร้างความรู้ ลดใช้ยาปฏิชีวนะ จะทำทั้งประชาชนและในกลุ่มแพทย์ คลินิก โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลรัฐ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่า การรักษาโรคที่ดีไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการกินยา ฆ่าเชื้อเสมอไป .- สำนักข่าวไทย
|
