ข่าวสด 9 พ.ค. 2554
แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11
เม.ย. น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามหนังสือที่
กค 0422.2/ว.33 เรื่องหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยวิธีการทางการแพทย์แผนไทยและ
การแพทย์ทางเลือก ถึงปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้อำนวยการ อธิการบดี ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการสถานพยาบาลของทางราชการ
สถานพยาบาลที่กระทรวงการคลังกำหนด ระบุว่า รัฐส่งเสริมให้การแพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาพยาบาลในระบบ
สาธารณสุข เห็นสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
หนังสือ ระบุว่า สำหรับผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลสิทธิสวัสดิการข้าราชการในส่วนค่ายาแผนไทย
ให้เบิกได้เฉพาะค่ายาที่ใช้บำบัดรักษาโรคโดยตรงเท่านั้น ส่วนยาแผนไทยที่ใช้เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ
เพื่อนวดบรรเทาอาการ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรประเภทเครื่องสำอางหรือมีลักษณะเป็นอาหาร
ห้ามเบิกจ่าย โดยการเบิกจ่าย
ต้องเป็นไปตามรายการและเงื่อนไขการใช้ยา 4 ประเภท คือ
1.ยา ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ
2.ยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณตามประกาศ สธ.ในส่วนที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ให้เป็นไปตามการสั่งใช้ยาของแพทย์แผนปัจจุบันที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หรือแพทย์แผนไทยผู้มีใบประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทเวชกรรมแผนไทย
หรือสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์
3.ยาที่อยู่ในเภสัชตำรับโรงพยาบาล หมายถึงยาสมุนไพรที่สถานพยาบาลแต่ละแห่งผลิตเอง
ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติให้เป็นไปตามการสั่งใช้ยาของแพทย์แผนปัจจุบันที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือแพทย์แผนไทยผู้มีใบประกอบโรค
ศิลปะ สาขาการแพทย์แผนไทย ประเภทเวชกรรมแผนไทย หรือสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และ
4.ยาที่ปรุงสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายให้เป็นไปตามการสั่งใช้ยาของแพทย์แผนไทย
ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนไทย
ประเภทเวชกรรมแผนไทยหรือสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่
1 พ.ค.54 เป็นต้นไป สำหรับการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ถือตามหลักเกณฑ์
เดิม
"เดิมกระทรวงการคลังกำหนดให้เบิกจ่ายค่ายาแผนไทยได้เฉพาะยาใน
บัญชียาหลักแห่งชาติ 19 รายการและยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณเท่านั้น
ประกาศของกระทรวงการคลังฉบับนี้ให้เบิกจ่ายยาแผนไทยได้มากขึ้น โดยกำหนดให้เบิกจ่ายยาแผนไทยที่เป็นเภสัชตำรับโรงพยาบาลและยาที่ปรุงสำหรับ
ผู้ป่วยเฉพาะรายด้วย แต่ทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้การสั่งใช้ยาของแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลปะ"
แหล่งข่าวระบุ
|