search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6514926
การเปิดหน้าเว็บ:9357908
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  ร้านขายยาเสี่ยงสูญพันธุ์
  12 พฤศจิกายน 2553 ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มที่นี่
 
 


หวั่น "ร้านขายยา" อ่วมสูญหายจากระบบกว่าครึ่ง หลังข้อตกลง AFTA มีผลบังคับใช้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ส่งผลไทยต้องเปิดตลาดให้ทุนข้ามชาติเข้ามาเปิดกิจการแข่งขันได้ ตัวแทนสภาอุตฯ ชี้ร้านขายยาที่มีอยู่เดิมต้องเร่งปรับตัว ไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้แน่
              นายนิลสุวรรณ ลีลารัศมี ประธานคณะกรรมการประเด็นเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ร้านขายยาเป็นสิ่งที่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงที่สุดที่จะได้รับผลกระทบจากการทำ ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Area, AFTA) ที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 2553 และระบุว่า ในปี 2558 การค้าและการบริการทุกประเภทจะเปิดอย่างเสรี ดังนั้น ย่อมต้องมีทุนต่างชาติเข้ามา ทั้งนี้หากร้านขายยารายย่อยยังไม่มีการปรับตัวให้ได้มาตรฐานจะมีโอกาสหายไป จากระบบกว่า 50%
              นายนิลสุวรรณกล่าวต่อว่า จุดอ่อนของร้านขายยาคือการตั้งอยู่กับที่ ดังนั้นเมื่อบังคับใช้เขตการค้าเสรีแล้วจำเป็นต้องปรับตัวออกไปนอกสถานที่ ให้เป็นจุดกลางของการให้บริการด้านสุขภาพ อาทิ การมีพนักงานให้ข้อมูลประจำร้าน การขายยาทางอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญร้านขายยาจำเป็นต้องจับมือกันรวมเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมร้านขายยา เพื่อสร้างเครือข่ายและความเข้มแข็งทางธุรกิจให้รอดจากการแข่งขันโดยทุนข้าม ชาติ
              ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมกล่าวอีกว่า ประเทศแรกๆ ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านขายยาคือ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ แต่ต้องเข้าใจว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อคนไทยถือหุ้น 51% ต่างชาติถือ 49% ร้านก็ยังเป็นสัญชาติไทยอยู่ และคนไทยก็จะได้รับประโยชน์ความร่วมมือของต่าง ชาติ อย่างไรก็ตามข้อตกลงอาฟตาระบุให้ทุนต่างชาติเป็นได้เพียงเจ้าของ ส่วนการให้บริการอื่นๆ ยังต้องเป็นคนท้องถิ่นของแต่ละประเทศเป็นผู้ให้บริการ
              "ต่อไปจะขายโปรดักต์อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องขายเซอร์วิสด้วย และเราไม่อาจปฏิเสธการแข่งขันในขณะที่โลกเดินไปไม่ หยุดได้ ทางแก้เดียวคือต้องเร่งการผลิตทั้งบุคลากรและอื่นๆ ภายใต้ความเหมาะสม" นายนิลสุวรรณกล่าว
               ข้อมูลจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ประเทศไทยมีร้านขายยาประมาณ 1.7 หมื่นแห่ง แต่มีเพียง 4% ที่ได้คุณภาพตามมาตรฐาน.