search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6514912
การเปิดหน้าเว็บ:9357894
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  คลังถอย! สั่งชะลอถอน “กลูโคซามีน” จากระบบเบิก ขรก.
  07 พฤศจิกายน 2555
 
 


วันที่: 7 พฤศจิกายน 2555
ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์


ใส่เกียร์ถอย! รองปลัดคลัง ลงนามผ่อนผันเบิกจ่ายกลูโคซามีนออกไปถึง 31 ธ.ค.นี้ ขอทำความเข้าใจผู้เกี่ยวข้องก่อน หลังเจอด่าน ขรก.ร้องศาลปกครอง ผู้ป่วยบางรายใช้บรรเทาอาการปวดได้ผล และ อย.ขึ้นทะเบียนเป็นยา พร้อมเลื่อนลงทะเบียน 1 รพ.1 โรคเรื้อรัง แบบไม่มีกำหนด เหตุระบบไม่พร้อม
       
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0422.2/ว129 เรื่อง การเบิกจ่ายค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต เพื่อผ่อนผันยกเลิกการเบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต จากเดิมมีผลบังคับใช้สำหรับการรักษาพยาบาลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2555 ออกไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค.2555 พร้อมลงนามในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0422.2/ว 130 เรื่อง การลงทะเบียนในระบบเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยนอกกับสถานพยาบาลของทางราชการกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพื่อเลื่อนการบังคับใช้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังสิทธิข้าราชการลงทะเบียนในระบบเบิกจ่ายตรง 1 โรงพยาบาลต่อ 1 โรคเรื้อรังหรือ 1 แห่ง ต่อทุกโรคเรื้อรัง จากวันที่ 1 ธ.ค.2555 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
       
ทั้งนี้ เนื้อหาสำคัญในหนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0422.2/ว129 เรื่อง การเบิกจ่ายค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต ระบุว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้ยกเลิกการผ่อนคลายการเบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต โดยมีผลบังคับใช้สำหรับการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2555 และเนื่องจากมีการร้องเรียนว่า ยากลูโคซามีนซัลเฟต ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า เป็นยา และผู้ป่วยบางรายใช้ได้ผลในการบรรเทาอาการปวดเข่า และขณะนี้มีแพทย์และผู้ป่วยบางกลุ่มกำลังดำเนินการร้องศาลปกครอง เพื่อขอความคุ้มครองเป็นการชั่วคราว ดังนั้น ในระหว่างนี้ที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อลดปัญหาข้อโต้แย้ง จึงขอชะลอการบังคับใช้ตามหนังสือฉบับดังกล่าวไปพลางก่อน และให้ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายค่ายากลูโคซามีนซัลเฟตตามแนวทางการใช้ยาของราชวิทยาลัยแพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย โดยถือปฏิบัติตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุดที่ กค 0422.2/ว 62 ลงวันที่ 28 มิ.ย.2554 ต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2555

ขณะที่เนื้อหาในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0422.2/ว 130 เรื่อง การลงทะเบียนในระบบเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยนอกกับสถานพยาบาลของทางราชการกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ระบุว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง เลือกสถานพยาบาลเพื่อเป็นสถานพยาบาลประจำตัว 1 แห่ง ต่อ 1 โรคเรื้อรัง หรือ 1 แห่ง ต่อทุกโรคเรื้อรัง โดยลงทะเบียนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พ.ย. 2555 และจะเริ่มใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2555 เป็นต้นไป และเนื่องจากระบบการส่งต่อผู้ป่วยและการรักษาต่อเนื่องในสถานพยาบาลใกล้บ้านยังมีข้อจำกัดบางประการ ไม่พร้อมที่จะรองรับระบบลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลประจำตัวได้ ดังนั้น เพื่อให้ระบบมีความพร้อมและสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จึงเห็นควรเลื่อนการบังคับใช้ตามหนังสือก่อนหน้านี้ไปก่อน
       
สำหรับหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค 0422.2/ว 62 สรุปสาระสำคัญได้ว่า ในการเบิกจ่ายค่ายากลูโคซามีน ถือปฏิบัติ ดังนี้ 1.ค่ายาที่เบิกได้ต้องเป็นการสั่งใช้ยาตามแนวทางกำกับการใช้ยากลูโคซามีนซัลเฟตของราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ฯ 2.ถ้ามีสถานพยาบาลเบิกค่ายาในระบบเบิกจ่ายตรงและให้สถานพยาบาลออกใบเสร็จรับเงินค่ายาเพื่อให้ผู้ถือสิทธินำไปยื่นขอเบิกจากส่วนราชการต้นสังกัด 3.แพทย์ที่ทำการรักษาออกหนังสือรับรองการใช้ยานี้ เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานประกอบการเบิกจ่ายจากต้นสังกัด และ 4.กรณีกรมบัญชีกลางตรวจสอบ พบว่า สถานพยาบาลมีการสั่งจ่ายยาไม่เป็นไปตามแนวทางข้างต้น จะดำเนินการการเรียกคืนเงินค่ายาจากสถานพยาบาล
       
อนึ่ง กระทรวงการคลังได้ทำหนังสือถึงหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เกี่ยวกับสิทธิข้าราชการในการรักษาพยาบาล โดยระบุว่า ห้ามไม่ให้มีการเบิกจ่ายยากลูโคซามีนซัลเฟต ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2555 เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า แพทย์และผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งได้ออกมาคัดค้านและร้องศาลปกครองให้มีการคุ้มครองชั่วคราว ส่วนหนังสือที่ให้ผู้ใช้สิทธิสวัสดิการข้าราชการลงทะเบียนเลือกโรงพยาบาล 1 แห่ง ต่อ 1 โรคเรื้อรัง หรือ โรงพยาบาล 1 แห่ง ต่อหลายโรคเรื้อรัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2555 นั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ทบทวน เนื่องจากกระทบต่อระบบบริการที่ต้องการกระจายผู้ป่วยโรคเรื้อรังให้ไปรับยาที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ลดความแออัดของสถานพยาบาลขนาดใหญ่