search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6514725
การเปิดหน้าเว็บ:9357706
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  ห่วง! คอตีบระบาด สธ.สั่งระดมวัคซีนกว่า 1 ล้านโดส ฉีด จนท.-ปชช.
  18 ตุลาคม 2555
 
 


วันที่: 18 ตุลาคม 2555
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์


หวั่น! คอตีบระบาดทั่วประเทศ สั่งระดมฉีดวัคซีนกว่า 1 ล้านเข็ม ให้เจ้าหน้าที่ ชาวบ้านในเขตภาคอีสานตอนล่าง พร้อมตั้งวอร์รูมติดตามใกล้ชิด ระบุปี 2551-2553 เคยระบาดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เด็กตาย 24 ราย
       
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เพื่อสั่งการให้มีการควบคุมการระบาดของโรคคอตีบ ที่หายไปจาประเทศไทยนานกว่า 17 ปี แล้วกลับมาระบาดใหม่โดยเฉพาะในเขต 9 จังหวัดภาคอีสาน ทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งระดมกำลังทีมควบคุมโรค เข้าควบคุมการระบาดในพื้นที่ หลังจากที่มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้ถึง 87 ราย เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมราชการ ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ว่า พบผู้ป่วยโรคคอตีบ ที่ จ.หนองบัวลำภู จำนวน 12 ราย จากทั้งหมด 87 รายที่พบในภาคอีสานทั้งหมด โดยขณะนี้พบผู้ป่วยแล้วใน 9 จังหวัด ได้แก่ เลย เพชรบูรณ์ หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย พิษณุโลก ขอนแก่น ชัยภูมิ และ สกลนคร
       
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดำเนินการควบคุมและป้องกันโรคอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้การระบาดแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นในประเทศ ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรค และ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 9 จังหวัด เร่งรัดการดำเนินงานตามมาตรการในการควบคุมโรค 3 มาตรการหลักๆ อย่างต่อเนื่อง คือ 1.ควบคุมการระบาดอย่างรวดเร็ว โดยใช้วิธีเอกซเรย์ค้นหาผู้ป่วยในชุมชน หากพบให้ดำเนินการสอบสวนโรคทันที และดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด รวมถึงการตัดวงจรการแพร่เชื้อของโรค โดยการสำรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดและพาหะนำโรค 2.สร้างภูมิคุ้มกันโรคให้เข้มแข็งโดยการเร่งรัดการให้วัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มเด็กและกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่ รวมถึงผู้ใหญ่ที่คาดว่าจะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบ และ 3.สร้างความร่วมมืออย่างเข้มแข็งในทุกภาคส่วนโดยการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจและให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคคอตีบ
       
“ขณะนี้ได้สนับสนุนวัคซีนเพื่อฉีดให้กับเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั้งหมดไปแล้วกว่า 1 ล้านโดส โดยอนุมัติผ่านจังหวัดหนองบัวลำภู 2 แสนโดส อุดรธานี 3 แสนโดส และ เลย 5 แสนโดส เพื่อกระจายไปยังอีก 6 จังหวัดให้ครบ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้การระบาดของโรคแพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ” นพ.สุรวิทย์ กล่าวและว่า พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด ทั้งในพื้นที่การระบาดขณะนี้และในส่วนกลาง
       
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมSRRTหรือทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 17 ทีม ลงพื้นที่เพื่อเข้าควบคุมป้อกงันโรคอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งแนะนำและระดมฉีดวัคซีนเพื่อสกัดกั้นแล้ว เนื่องจากขณะนี้กำลังจะส้นสุดฤดูฝนและเข้าสู่ฤดูหนาว อาจมนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังจังวัดทั้ง 9 จังหวัดเพื่อท่องเที่ยวในช่วงนี้ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่มาก ยืนยันว่า กรมควบคุมโรคได้เข้าควบคุมโรคอย่างเข้มข้นและจะพยายามสกัดกั้นไม่ให้ระบาดไปในพื้นที่อื่นๆ
       
ด้าน ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า โรคคอตีบจะพบมากในเด็กทั้งเพศชายและหญิงที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน โดยในผู้ใหญ่มีพบอยู่บ้างแต่น้อยมาก เนื่องจากในผู้ใหญ่จะได้รับ วัคซีน DPT ซึ่งเป็นการฉีดรวมกันในเข็มเดียว ได้แก่ ไอโกรน บาดทะยัก และคอตีบ อยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีการพบโรคคอตีบจริง ก็ต้องมีการกำหนดมาตรการในการดูแลผู้ป่วย เช่น คนที่ป่วยโรคคอตีบต้องไม่อยู่ในที่แออัด ไอจามต้องปิดปาก มีการแยกคนไข้ออก ทำการซักประวัติ หาสาเหตุการเป็นโรคคอตีบ และหาประวัติคนใกล้ชิดกับผู้ป่วย เพื่อทำการควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคจะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วคอยเข้าตรวจสอบและควบคุมโรคอยู่แล้ว ?

ศ.นพ.อมร กล่าวต่อว่า กรณีที่พบการระบาดของโรคคอตีบอีกครั้งทั้งๆ ที่หายไปจากประเทศไทยกว่า 17 ปี กระทรวงสาธารณสุขควรที่จะมีการทบทวนมาตรการเรื่องการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการฉีดซ้ำในผู้ใหญ่ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและสภาพแวดล้อมที่แออัดและขาดสุขอนามัย รวมถึงในผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำด้วย เพราะในสหรัฐอเมริกาจะมีการฉีดวัคซีนซ้ำทุกๆ 10 ปี ซึ่งถ้ามีการพบผู้ป่วยมากถึง 87 ราย ควรต้องเร่งทำการศึกษากลุ่มผู้ป่วยว่าจำนวนผู้ป่วยช่วงอายุใดมากที่สุด เพื่อจะได้ทำการควบคุมได้ถูกกลุ่ม ทั้งนี้ในประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนให้เด็กทุกคน ดังนั้นโรคคอตีบอาจมาจากแรงงานต่างด้าวที่นำเชื้อเข้ามา ส่วนเรื่องที่เกรงว่า การกลับมาระบาดซ้ำอีกครั้ง อาจมีการกลายพันธุ์ของเชื้อ เชื่อว่าขณะนี้ ยังไม่มีการกลายพันธุ์ของเชื้อ
       
สำหรับโรคคอตีบ ก่อนที่จะมีการระบาดในภาคอีสาน เมื่อปี 2551-2553 เคยมีการระบาดมาแล้วครั้งหนึ่งใน 3 จังหวดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ถึง 24 ราย ในข่วงเวลาดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค