วันที่: 1 กรกฎาคม 2554
ที่มา: www.manager.co.th
ลิงค์:
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000080208
คกก.กองทุนยา สิทธิข้าราชการ ยื่นหนังสือค้าน คลังออกคำสั่งคืนสิทธิ์เบิกจ่ายกลูโคซามีน ด้านคณะทำงานวิชาการเผย กรณี นพ.ยศ ลาออกนั้น
เป็นแค่การตัดสินใจส่วนตัว ยังไม่มีหนังสือการลาออกชัดเจน ชี้เหตุอยากออกเพราะรับไม่ได้กับมติคลัง
แหล่งข่าวรายงานว่า
กระทรวงการคลังออกหนังสือ ให้คืนสิทธิการเบิกจ่ายยาบรรเทาอาการข้อเสื่อม
(กลูโคซามีน) แก่กองทุนข้าราชการสวัสดิการเหมือนเดิมนั้น และมีกระแสข่าวว่า นพ.ยศ
ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ 1 ในคณะกรรมการชุดนี้ได้ตัดสินใจถอนตัวออกนั้น ล่าสุด ผศ.ดร.ภญ.นิยดา
เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดงานแผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.)
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในฐานะคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กระทรวงการคลัง
ได้ทำหนังสือคัดค้านคำสั่งการคืนสิทธิการเบิกจ่ายดังกล่าว
เนื่องจาก คณะกรรมการบริหารฯ ได้ออกคำสั่ง
ให้คณะอนุกรรมการได้ทำการศึกษาทบทวนรายการยากลุ่มบรรเทาอาการข้อเสื่อม
ซึ่งตามขั้นตอนต้องส่งเรื่องกลับเข้าคณะกรรมการบริหารฯก่อน
แต่ยังไม่มีการกำหนดวาระการประชุมแต่อย่างใด
ฉะนั้นคำสั่งดังกล่าวถือว่ายังไม่ผ่านมติของคณะกรรมการบริหารฯ แต่อย่างใด
นพ.สัมฤทธิ์ ศรีธํารงสวัสดิ์ คณะทำงานด้านวิชาการทางการแพทย์
ภายใต้คณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ กระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวลือว่า นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์
หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP)กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ถอนตัวจากคณะทำงานดังกล่าว ว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้ผ่านอีเมล์ จากนพ.ยศ
โดยตรง ซึ่งเป็นจดหมายเวียนถึงคณะทำงานด้วยกัน ระบุว่า อยากจะถอนตัวออก
เนื่องจากเหตุผลส่วนตัวที่รู้สึกว่า
กระทรวงการคลัง มีการตัดสินใจที่ ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นธรรม
อาศัยแค่ระบบอำนาจของคณะกรรมการใหญ่และอาศัยบทบาททางการเมือง เป็นหลัก
ซึ่งการทำหน้าที่เป็นเพียงคณะทำงานฯนั้นไม่มีอำนาจในการตัดสินใจใดๆ อยู่แล้ว
แต่การตัดสินใจของ นพ.ยศ นั้นยังไม่ชัดเจนเป็นเอกสารใดๆ
นพ.สัมฤทธิ์
กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้
สำหรับกรณีการตัดสินใจของ กระทรวงการคลังนั้น โดยส่วนตัวก็เห็นว่าเป็นเป็นการอาศัยอำนาจทางการเมืองเป็นหลัก ไม่แน่ว่า หากหลังการเลือกตั้งแล้ว
อาจมีการเปลี่ยนอีกหรือไม่ ดังนั้น ข้อสรุปทุกอย่างคงไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ
คณะทำงานฯ อย่างแน่นอน
จากนี้บทบาทของคณะทำงานจะเป็นอย่างไรต้องรอดูอีกครั้งหลังเลือกตั้ง
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์
นายกแพทยสภา กล่าวว่า การออกประกาศลักษณะนี้ถือว่าดีต่อทุกฝ่าย
เนื่องจากในผู้ป่วยข้อเสื่อมก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าว
ส่วนการคุมการเบิกจ่ายโดยห้ามเบิกตรงนั้น
ก็เป็นอีกแนวทางในการควบคุมค่าใช้จ่ายไปในตัว และที่สำคัญประกาศนี้น่าจะช่วย
ให้บรรยากาศความเห็นต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้เบาบางลงได้ อย่างไรก็ตาม
ส่วนกรณีที่จะศึกษาความคุ้มค่าและวางแนวทางการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถ
ปฏิบัติได้จริงนั้น ขณะนี้ตนยังไม่ได้หนังสือเชิญการหารือ
ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะเป็นคณะอนุกรรมการเดิมหรือไม่ หรืออย่างไร แต่หากกรมบัญชีกลางต้องการข้อมูลใดๆ
ก็พร้อมร่วมมือ ส่วนกรณีการลาออกของ นพ.ยศ นั้น ตนยังไม่เห็นหนังสือใดๆ
ด้าน ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล
อนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล
ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่า
เรื่องความคุ้มค่าของยากลูโคซามีนนั้น ไม่สามารถใช้เวลาเพียงแค่ 1
เดือนเพื่อศึกษาวิจัยได้
และเชื่อว่าความคุ้มค่าที่คณะอนุกรรมการที่มีราชวิทยาลัยออโธปิดิกส์ แพทยสภาและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
พยายามนำเสนอนั้นเป็นแค่ความคุ้มค่าเฉพาะกลุ่มเท่านั้น นั่นคือ กลุ่มที่ป่วยด้วยอาการข้อเข่าเสื่อมจากโรคชรา
และมีอายุตั้งแต่ 56 ปีขึ้นไป
ซึ่งขณะนี้เวลาผ่านไปยังไม่มีผลงานทางวิชาการมายืนยันชัดเจน
ที่สำคัญหนังสือคำสั่งของกรมบัญชีกลาง
กระทรวงการคลัง ก็เป็นเพียงหนังสือชั่วคราวเท่านั้น หากพบว่าไม่ไม่มีผลงานวิชาการใดๆยืนยันว่าคุ้มค่าจริง
ทางคณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล ก็จะเสนอการศึกษาเช่นเดิม คือ
ยาดังกล่าวไม่มีความคุ้มค่าทั้งเรื่องของประสิทธิผลการรักษาและเรื่องของค่า
ใช้จ่าย ให้แก่คณะคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
เพื่อพิจารณาควบคู่กันไป
“อย่างไรก็ตาม
หากคลังจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใดๆ นั้นคณะอนุกรรมการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผลไม่ได้มีบทบาทในการดูแล
ควบคุม หรือเรียกร้องใดๆ หากแต่ทำหน้าที่เพื่อศึกษาความคุ้มค่าอย่างตรงไปตรงมา
ตามข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อให้การใช้ยาของคนไทยมีความพอดี” ผศ.นพ.พิสนธิ์ กล่าว
|