วันที่: 3 สิงหาคม 2554
ที่มา: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์
(www.manager.co.th)
ลิงค์: http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000096379
ไทยพร้อมผลิตวัคซีนหวัด ใหญ่ “เชื้อเป็น” ในระดับอุตสาหกรรมปี 57 ยันผลทดลอง ปลอดภัยสูง แถมผลิตได้เร็วกว่า
เชื้อตาย 30 เท่า เผย อย.ขึ้นทะเบียนแล้ว
จากกรณีที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้สนับสนุนงบประมาณ 150 ล้านบาท ให้ประเทศไทย
เพื่อทำการพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น
เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่ปี 2552 นั้น ขณะนี้ องค์การเภสัชกรรม (อภ.)
ได้ดำเนินการแล้ว
โดยวันนี้ (3 ส.ค.) นพ.วิชัย
โชควิวัฒน ประธาน กรรมการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวในการแถลงข่าว “ความสำเร็จในการพัฒนาและผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น” ว่า
หลังจากองค์การอนามัยโลก และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาวัคซีนชนิดนี้
อภ.ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยการแพทย์ หรือ IEM (Institute of
Experimental Medicine) ที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย
ในการรับเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2552 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย
ได้นำหัวเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอช1เอ็น1 (H1N1 2009) มาถึงประเทศไทย
ซึ่งเป็นเวลาที่ใกล้เคียงกับที่ประเทศไทยได้รับไข่ไก่ปลอดเชื้อจากประเทศ เยอรมนี
เพื่อใช้ในการผลิตวัคซีน
“สำหรับการพัฒนาและผลิตวัคซีนครั้งนี้
มี ดร.ไอรินา วี.คิเซเลวา นักวิทยาศาสตร์จากรัสเซีย เป็นผู้ทำการผลิตวัคซีนล็อตแรก
และฝึกสอน ซึ่ง
อภ.ยังได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ คือ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยศิลปากร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยใช้เวลาในการทดลองราว 2 ปี ในที่สุดจึงประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
2009 ชนิดเชื้อเป็น แบบพ่นทางจมูก
และได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วเมื่อวันที่ 12
ก.ค.2554 อย่างไรก็ตาม
แม้วัคซีนดังกล่าวที่ผลิตขึ้นมาได้ยังเป็นเพียงหัวเชื้อที่ยังไม่สามารถผลิต
ในระดับอุตสาหกรรมได้ แต่ทางรัฐบาลได้อนุมัติงบ 1,411.7 ล้านบาท ในการสร้างโรงงานผลิตวัคซีนชนิดเชื้อตาย
ขึ้นที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี
ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนชนิดเชื้อเป็นได้ในกรณีที่เกิด
การระบาดขึ้น” นพ.วิชัย กล่าว
ประธาน อภ.กล่าวด้วยว่า
วัคซีนชนิดเชื้อเป็นมีข้อดี คือ ผลิตได้เร็วกว่าแบบเชื้อตายถึง 10-30 เท่า
เนื่องจากสามารถพ่นเข้าจมูกได้เลย ขณะที่ประสิทธิผลในการรักษานั้น
มีผลวิจัยรับรองจากทั่วโลกแล้วว่ามีประสิทธิผลไม่แตกต่างจากวัคซีนเชื้อตาย
โดยคาดว่า โรงงานดังกล่าวจะสามารถเริ่มผลิตวัคซีนได้ในปี 2557 ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อตาย
อภ.จะนำไปทดลองต่อยอด และคาดว่า จะประสบความสำเร็จในปี 2555
พญ.พรรณี ปิติสุทธิธรรม
หน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยามหิดล กล่าวว่า
สำหรับขั้นตอนในการทดลองวัคซีนเชื้อเป็นนั้น ใช้อาสาสมัครทั้งสิ้น 324 คน แบ่งเป็น
3 กลุ่ม คือ กลุ่มเด็กอายุ12-18 ปี กลุ่มอายุ 18-49 ปี และกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 49
ปีขึ้นไป และต้องไม่มีภูมิต้านทานเชื้อหวัด
ใช้เวลาในการติดตามผลการทดลองทั้งหมดประมาณ 1 ปีครึ่ง พบว่าอาสาสมัครทุกคนปลอดภัย ไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรง
|