วันที่: 8 สิงหาคม 2554
ที่มา: เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th)
ลิงค์: http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000098086
นายกสมาคมนรีเวช
แนะรัฐบาลบรรจุวัคซีนป้องกัน “เอชพีวี”
เป็นวัคซีน พื้นฐาน เชื่อช่วยลดอัตราการป่วย ย้ำป้องกันดีกว่ารักษา
ฝากว่าที่ รมว.สธ.พิจารณา
ศ.นพ.ชัยยศ ธีรผกาวงศ์ นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่า เดือน
ส.ค.นี้เป็นเดือนแห่งการรณรงค์เรื่องการป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ดังนั้นจึงต้องขอความร่วมมือกับโรงพยาบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อประชาสัมพันธ์ให้มีการเร่งสร้างความตระหนักในการตรวจคัดกรองและวิธีการ
ป้องกันที่เหมาะสมด้วย ซึ่งนอกจาการเข้าตรวจคัดกรองในหาเชื้อ เอชพีวี(HPV) ด้วยวิธีต่างๆซึ่งทำในประชาชนที่มีอายุเป็นกลุ่มสี่ยงแล้ววิธีที่ป้องกันได้
ดีอีกหนทาง คือ การฉีดวัคซีน ป้องกันเชื้อเอชพีวี 16 และ 18 ซึ่งเป็นชนิดที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าชนิดอื่น ถึง 70 %
และที่สำคัญไม่จำเป็นต้องฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อายุมากกว่า 30 ปี เท่านั้น แต่สามารถให้ได้ในเด็กที่เป็นวัยรุ่น
ซึ่งขณะนี้มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สำหรับตนนั้น
คิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เนื่องจากการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา
โดยรัฐบาลน่าจะมีการบรรจุเป็นวัคซีนชนิดดังกล่าวเป็นวัคซีนพื้นฐาน
เพื่อสร้างภูมิคุมกันที่ดีแก่ประชาชน จะได้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษา
และที่สำคัญน่าจะลดจำนวนผู้ป่วยได้
ศ.นพ.ชัยยศ กล่าวด้วยว่า
ในการซื้อวัคซีนมาใช้นั้นจะให้คุ้มค่าก็ต้องซื้อในจำนวนมากเพื่อให้ราคาต่ำ ลง
เพราะราคาปกติขายเป็นชุด ๆ ละ 3
เข็ม ราคาราว 7,000 บาท โดยขณะนี้ประเทศมาเลเซีย
สั่งซื้อเพื่อบริการประชาชาชน โดยซื้อในราคา ชุดละ 2,000 บาท
แต่หากไทยจะนำเข้ามาก็น่าจะตกที่ราคาชุดละกว่า 1,000 บาท
เนื่องจากไทยต้องมีประชากรมากกว่ามาเลเซียราว 1 เท่า
ซึ่งอยากฝากให้รัฐบาลใหม่พิจารณาและหากใครเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่า
การกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ก็อยากให้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ด้วย
เนื่องจากมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยมาโดยตลอด
“ไม่อยากให้มองแค่ว่า เรื่องความคุ้มค่าทางการเงิน
แต่อยากให้มองถึงปัญหาสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก
และหากบริการวัคซีนควบคู่กับการตรวจคัดกรองก็จะยิ่งดี
เพราะการตรวจคัดกรองปัจจุบันเริ่มที่ราคาราว 2,000 บาท
บวกกับค่าวัคซีนด้วยไม่น่าจะแพงมากนัก ต่างจากค่ารักษาที่ตกรายละไม่ต่ำกว่า 40,000
บาท” ศ.นพ.ชัยยศ กล่าว
|