วันที่ : 17 สิงหาคม 2554
ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์ (www.matichon.co.th)
ลิงค์ : www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1313563398
นางสาววราลี วิราพร นิสิตปริญญาโท คณะเภสัชศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า สารแคมป์โทเธซิน ( Camptothecin) หรือ ซีพีที ( CPT) เป็นหนึ่งในสารที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็ง
ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเคมีบำบัดที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั่วโลก
โดยเป็นที่รู้จักในชื่อยา โทโปทีแคน ( Topotecan) และ
อิริโนทีแคน ( Irinotecan) สำหรับรักษาโรคมะเร็งรังไข่
มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
“สาร CPT มีรายงานการพบในพืช
แคมป์โทธิกา อะคูมินาตา ( Camptotheca acuminate), โนทาโพไดทิส
โฟอิทิดา ( Nothapodytes foetida) , เออวาทาเมีย เฮเนียนา ( Ervatamia
heyneana) รวมถึงพืชในสกุลโอฟิโอไรซ่า ( Ophiorrhiza) บางชนิด ซึ่งพืชเหล่านี้พบมากในประเทศจีน และฐานการผลิตสารซีพีทีก็อยู่ในประเทศจีนด้วย
ขณะที่ประเทศไทยพบว่ามีพืชสกุลโอฟิโอไรซ่าประมาณ 30-44 ชนิด
ถือว่ามากเป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน
แต่กลับยังไม่พบรายงานการศึกษาวิจัยด้านการนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์มากนัก
ที่สำคัญขณะนี้ยังมีรายงานการวิจัยพบว่า พืชหลายชนิดที่สร้าง CPT จะมีเอนไซม์โทโพไอโซเมอเรส วัน ( Topoisomerase
I) หรือ ทอปวัน ( Top I) ที่เกิดการกลายพันธุ์
ซึ่งเอนไซม์นี้เป็นเป้าหมายของยาต้านมะเร็ง CPT ดังนั้นเมื่อ
Top I กลายพันธุ์ไปจากเดิม สาร CPT จึงไม่สามารถเข้าจับกับเอนไซม์
Top I ของพืชได้ ส่งผลให้พืชเหล่านั้นทนทานต่อพิษของ CPT
ที่พืชสร้างขึ้นมาได้ ซึ่งกลไกการป้องกันตัวของพืชที่เกิดขึ้นนี้
มีลักษณะเดียวกับกลไกการดื้อยาเคมีบำบัดจากสาร CPT ในผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สนใจศึกษา “วิวัฒนาการร่วมของยีนโทโพไอโซเมอเรส I กับการสร้างแคมป์โท
เธซินในพืชสกุล Ophiorrhiza ในประเทศไทย ” โดยมี ผศ. ดร.สุชาดา สุขหร่อง คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
และได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการ
ทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย หรือ โครงการ BRT ภายใต้การสนับสนุนของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
(ศช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
นางสาววราลี กล่าวว่า
ในงานวิจัยได้ศึกษาความหลากหลายของพืชในสกุลโอฟิโอไรซ่าในประเทศไทย
โดยทำการสำรวจและเก็บตัวอย่างพืชสกุลโอฟิโอไรซ่าตามที่เคยมีรายงานการค้นพบ ในภูมิภาคต่างๆ
เพื่อนำมาจำแนกชนิด และศึกษาว่ามีชนิดใดบ้างที่สามารถสร้างสารต้านมะเร็ง CPT ได้
นอกจากนี้ยังศึกษาถึงคุณสมบัติที่มีผลต่อการสร้างสารต้านมะเร็ง CPT รวมถึงความหลากหลายทางพันธุกรรมของยีน Top I เพื่อหาตำแหน่งที่เกิดการกลายพันธุ์ในเอนไซม์
Top I อันเป็นเหตุให้เกิดการดื้อ CPT ของพืชในสกุลนี้ด้วย
“จากตัวอย่างพืชสกุลโอฟิโอไรซ่าที่เก็บมาทั้งหมด
เราสามารถจำแนกได้ 8 ชนิด
และเป็นที่น่ายินดีว่ามีการค้นพบพืชถึง 5 ชนิดที่ตรวจพบสาร CPT
และ/หรือ 9-MCPT ซึ่งเป็นสารอนุพันธ์ของ CPT
ในบริเวณใบหรือราก โดยสาร CPTและอนุพันธ์
ออกฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็งได้ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ Top I ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการแบ่งเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ส่วนสาร 9-Methoxy camptothecin (9-MCPT) พบได้ในพืชที่สร้าง CPT
มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี มีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง
และสามารถใช้สังเคราะห์สารต้านไวรัสได้
สำหรับคุณสมบัติที่มีผลต่อการสร้างสาร CPT ในพืชสกุลโอฟิโอไรซ่า ได้ศึกษาโดยใช้ข้อมูลลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีนแม็ตเค
( matK) (ยีนที่อยู่ในคลอโรพลาสต์
เป็นยีนที่ได้รับการถ่ายทอดจากแม่ มักใช้ในการตรวจสอบความเป็นเครือญาติ)
และยีนของเอนไซม์ Top I ในตัวอย่างพืชทุกชนิด
ผลการวิจัยพบว่า วงศ์วานวิวัฒนาการเชิงโมเลกุล ( molecular phylogenetic
tree) ของยีนทั้งสองสามารถแบ่งกลุ่มพืชสกุลโอฟิโอไรซ่าได้เป็นสองกลุ่มตาม
คุณสมบัติในการสร้างสารต้านมะเร็ง CPT และอนุพันธ์อย่างชัดเจน
คือ กลุ่มที่สร้างสารซีพีที และ กลุ่มที่ไม่สร้างสารซีพีที
ผลวิจัยดังกล่าวนับเป็นการค้นพบข้อเท็จจริงที่ว่า
ปัจจัยทางพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความสามารถในการสร้างสารต้าน มะเร็ง CPT ในพืชสกุลนี้มากกว่าพื้นที่การกระจายพันธุ์ของพืช
นอกจากนี้พืชสกุลนี้ยังมีวิวัฒนาการร่วมระหว่างยีน matK และ Top
I ดังนั้นจึงสามารถใช้ยีน matK และ Top
I เพื่อช่วยในการทำนายการสร้างสาร CPT และอนุพันธ์ของพืชในสกุลโอฟิโอไรซ่า
ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น มีผู้เก็บตัวอย่างพืชสกุลโอฟิโอไรซ่า ชนิดใหม่มาวิจัย
ก็สามารถตรวจยีน matK หรือ Top I เพื่อระบุว่าพืชชนิดใหม่นี้
มีความสามารถในการสร้างสารต้านมะเร็งได้หรือไม่ในทันที
โดยเทียบกับวงศ์วานวิวัฒนาการเชิงโมเลกุล ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารนานาชาติ
ในปีนี้ ”
นางสาววราลี กล่าวว่า
นอกจากนี้ผลการศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของยีน Top I เรายังได้พบกรดอะมิโนหลายตำแหน่งมีลักษณะการกลายพันธุ์ที่น่าสนใจ
โดยหากมีการศึกษาเปรียบเทียบกับเซลล์ผู้ป่วยมะเร็งต่อไป ก็อาจใช้เป็นเครื่องหมาย ( amino
acid marker) ในการทำนายการดื้อยาจากสาร CPT ของผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ซึ่งเท่ากับช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการดื้อยามีโอกาสรักษาด้วยตัวยาที่เหมาะสม
และมีประสิทธิผลในการทำลายเซลล์มะเร็งได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามการค้นพบว่าพืชในสกุลโอฟิโอไรซ่าของประเทศไทยมีศักยภาพในการ
ผลิตสารต้านมะเร็งแคมป์โทเธซิน ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ
แต่หากเราสามารถเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหรือมีกรรมวิธีในการเพิ่มผลผลิตพืชที่
สร้างสาร CPT ให้ได้จำนวนมากๆ
แล้ว ก็จะสามารถพัฒนาสู่การผลิตยาเคมีบำบัดได้ภายในประเทศ
ขณะเดียวกันยังสามารถสกัดสาร CPT เพื่อส่งขายในราคาสูงอีกด้วย
(เรื่อง ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.)