search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6529324
การเปิดหน้าเว็บ:9373347
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  ยาคุมฉุกเฉิน
  17 กรกฎาคม 2554
 
 


วันที่: 17 กรกฎาคม 2554
ที่มา: คอลัมน์ X-Ray สุขภาพ เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์
ลิงค์: www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentID=151345


สาวๆ หลายคนรู้จัก “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “ยาคุมฉุกเฉิน” แต่หลายคนอาจจะไม่ รู้จักวิธีการใช้ที่ถูกต้อง กลไกการออกฤทธิ์ รวมถึงผลข้างเคียง ดังนั้นเรามาฟังคำตอบจากผู้รู้กันดีกว่า

เริ่มจาก ผศ.ภญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานสร้างกลไกการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ประมาณ 8 ล้านแผงต่อปี โดย 1 แผงมียาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด ยาคุมฉุกเฉินมี 2 ประเภท คือ ยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนรวมและยาคุมฉุกเฉินฮอร์โมนเดี่ยว ที่นิยมใช้ คือ ยาคุมฮอร์โมนเพศชนิดเดียว คือ ฮอร์โมนโปรเจสติน ขนาด 0.75 มิลลิกรัม โดยสามารถลดความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ได้ แต่ประสิทธิภาพจะลดลงไปตามระยะเวลาที่ทานยา

ยาคุมฉุกเฉินควรใช้ในผู้ที่ถูกข่มขืนกระทำชำเรา ถุงยางอนามัยรั่วแตก นับระยะปลอดภัยผิด ห่วงอนามัยหลุด ลืมฉีดยาคุมกำเนิด ลืมทานยาคุมเกิน 3 วัน

การทานยาคุมฉุกเฉิน ควรใช้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่พึงประสงค์ เพื่อให้ประสิทธิภาพยาสูงสุด ซึ่งวิธีการทานยาคุมฉุกเฉินมี 2 แบบ คือ 1. ทานยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุด อย่างน้อยภายใน 3 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ จากนั้นอีก 12 ชม.จึงทานยาเม็ดที่สอง 2. ทานยาคุมฉุกเฉิน เม็ดครั้งเดียว ภายใน 5 วัน หลังจากมีเพศสัมพันธ์

สำหรับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน เช่น เข้าใจว่า 1 เม็ดคุมได้ 12 ชม. ดังนั้นทานเม็ดเดียวก็พอ อีก 1 เม็ดเก็บไว้ ความจริง คือ การใช้ยาคุมฉุกเฉินต้องทานให้ครบ 2 เม็ด โดยอาจทานพร้อมกัน 2 เม็ดครั้งเดียว หรือทานแต่ละเม็ดห่างกัน 12 ชม.ก็ได้ แต่ถ้าทานไม่ครบ 2 เม็ดจะทำให้โอกาสล้มเหลวในการป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ได้ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ทานเกิน 2 แผง ภายในรอบเดือนเดียว เพราะอาจทำให้ระบบการสร้างฮอร์โมนของร่างกายผิดปกติ

ด้าน รศ.นพ.อรรณพ ใจสำราญ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ยาคุมฉุกเฉินในบ้านเรามี 2 ยี่ห้อ ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดประมาณ 50-80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันหลายคนไม่มีความรู้และความเข้าใจการใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกวิธี ส่วนตัวเคยตรวจคนไข้ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยสอบถามว่ามีวิธีคุมกำเนิดอย่างไร ได้รับคำตอบว่า ทานยาคุม ก็เข้าใจว่ายาคุมที่คนไข้กินเป็นยาคุมทั่วไปชนิดฮอร์โมนรวมที่ทานเป็นแผง ปรากฏว่าคนไข้บอกว่าทานยาคุมฉุกเฉินสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เดือนละ 4 ครั้ง เนื่องจากแฟนไปทำงานต่างจังหวัดกลับมาบ้านสัปดาห์ละครั้ง หรือบางครั้งมีผู้หญิงวัยรุ่นมาพบบอกว่ามีประจำเดือนมากผิดปกติออกมา 10-15 วันเลือดไม่หยุดเลย ซักไปซักมาปรากฏว่าทานยาคุมฉุกเฉิน 2-3 ครั้ง ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์เพราะว่ามีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง บางคนเลือดออกมาก ซีด มา รพ.ก็เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน

สำหรับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน คือ กลไกการออกฤทธิ์ที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้วิธีการใช้ที่ถูกต้องควรจะมีการ ปรับปรุง สมัยก่อนเราเข้าใจว่ายาคุมฉุกเฉินที่ใช้กันอยู่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง อาจจะมีฤทธิ์หลายอย่าง ไปทำให้ตัวอ่อน หรือไข่ที่ผสมแล้วไม่สามารถจะฝังตัวในมดลูก หรือทำให้ตัวอ่อนที่ฝังแล้วหลุดไปคล้าย ๆ กับการแท้งบุตร มีผลต่อสเปิร์ม แต่ข้อมูลล่าสุดซึ่งเป็นที่ยืนยันจากนักวิชาการต่าง ๆ ทั่วโลก บอกว่ากลไกหลักจริง ๆ ที่ป้องกันการตั้งครรภ์ของยาคุมฉุกเฉิน ก็คือเป็นการยับยั้งหรือยืดระยะเวลาการตกไข่ออกไป ส่วนข้อมูลที่บอกว่ายาคุมฉุกเฉินทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถฝังตัวได้ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกเปลี่ยนแปลงไป ตรงนั้นยังไม่มีข้อมูลชัดเจน การที่มีข้อมูลนี้ออกมาทำให้ทราบว่า ในการจะใช้ยาคุมฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพสูงสุดจะต้องใช้ก่อนที่จะมีการตกไข่ ถ้าใช้ในช่วงใกล้เวลาตกไข่ หรือใช้ในวันที่มีการตกไข่แล้วแทบจะไม่มีประสิทธิภาพเลย ใช้เสร็จแทนที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ปรากฏว่าทำให้เกิดการตั้งครรภ์ เพราะฉะนั้นต้องใช้ก่อนที่จะมีการตกไข่ เพราะการทานยาคุมฉุกเฉินในแต่ละวันประสิทธิภาพจะไม่เท่ากัน เช่น ถ้าทานในช่วงก่อนวันไข่ตกอาจจะป้องกันได้สูงมาก 80-90% แต่ถ้าไปทานในวันที่ไข่ตกพอดีอาจจะเหลือ 0% ไม่สามารถที่จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้

นอกจากนี้การใช้ยาคุมฉุกเฉินควรใช้ให้เร็วที่สุด หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ข้อมูลเดิมบอกว่าให้ใช้ภายใน 72 ชม. แต่ก็มีบางคนเข้าใจผิดว่ามีเพศสัมพันธ์ผ่านไปแล้ว 3 วันค่อยไปหายาคุมฉุกเฉินมาทานก็ได้ จริงๆ แล้วยิ่งทานเร็วหลังจากมีเพศสัมพันธ์ยิ่งมีประสิทธิผลสูง ยิ่งทานห่างออกไปเท่าไหร่ประสิทธิผลจะลดลงมากเท่านั้น

ยังมีข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับขนาดของการใช้ยา เดิมเข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินให้ทานครั้งแรกภายใน 72 ชม.หลังจากมีเพศสัมพันธ์ หลังจากนั้นอีก 12 ชม.ให้รับประทานยาเม็ดที่ 2 ก็เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่ข้อมูลใหม่ที่องค์การอนามัยโลกก็ยอมรับ คือ การทานครั้งแรกนั้นอาจจะยืดออกไปได้ถึง 120 ชม. หรือ 5 วัน หลังจากนั้นก็ค่อยทานอีกเม็ด หรือจะทานทีเดียว 2 เม็ดพร้อมกันก็ได้ภายใน 120 ชม. แต่เวลาสื่อสารไปยังประชาชนต้องระมัดระวัง เพราะอาจไปตีความว่า หลังมีเพศสัมพันธ์ 5 วันแล้วค่อยใช้ยาคุมฉุกเฉิน สิ่งที่ต้องย้ำคือใช้ให้เร็วที่สุดก็จะมีประสิทธิผลสูงที่สุด ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ หายาไม่ได้ ช้าไป 5 วันก็ยังพอใช้ได้ แต่ประสิทธิผลจะลดลงมากอาจจะเหลือเพียง 40-50% ก็ยังดีกว่าจะไม่ป้องกันเลย แล้วเกิดการตั้งครรภ์แล้วต้องไปเอาเด็กออก

ข้อมูลเรื่องการใช้ยาคุมฉุกเฉินภายใน 120 ชม. ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ รวมทั้งองค์การอาหารและยาของสหรัฐ แต่ก็จะมีคำเตือนว่าให้ทานเร็วที่สุด สำหรับคนไทยยังรู้ข้อมูลตรงนี้น้อยมาก เพราะเป็นข้อมูลใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีการเผยแพร่มากนัก
   
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินเนื่องจากเป็นยาฮอร์โมนที่มีปริมาณฮอร์โมน สูง อาการที่พบบ่อย คือ ประจำเดือนผิดปกติ เช่น มีเลือดออกมากกว่าปกติ หรือ ออกน้อยกว่าปกติ ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาเร็ว รอบประจำเดือนสั้น รอบประจำเดือนยาว หรือประจำเดือนมากะปริดกะปรอย 30-70%  คลื่น ไส้ อาเจียน ปวดท้อง 20% เจ็บเต้านม 10%

ต้องยอมรับว่าคนยังไม่เข้าใจเรื่องการใช้ยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้อง อย่างคนที่กิน 4 ครั้งใน 1 เดือนภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์กับแฟนไม่ถูกต้อง เมื่อรู้อยู่แล้วว่า จะต้องมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ มีวิธีอื่นตั้งเยอะแยะ เช่น ทานยาคุมทั่วไปแบบที่ทานทุกวันก็ได้ ฉีดยา ฝังยา ใส่ห่วงก็ได้ มีสารพัดวิธีซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก ทั้งนี้อยากสื่อสารไปยังทุกคนว่า ไม่ได้ห้ามใช้ แต่ว่าจะต้องมีความรู้ที่จะใช้ ใช้ให้ถูกต้อง คือ ใช้ในกรณีฉุกเฉิน จำเป็นจริงๆ

เมื่อถามว่า ใน 1 เดือนไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินเกินกี่แผง รศ.นพ.อรรณพ กล่าวว่า ความจริงไม่มีข้อห้าม แต่โดยทั่วไปมีคำแนะนำว่าไม่ควรทานเกิน 2 แผงต่อเดือนดังนั้นควรใช้ให้น้อยที่สุด ใช้กรณีจำเป็นจริงๆ

นวพรรษ บุญชาญ : รายงาน