search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6521867
การเปิดหน้าเว็บ:9365622
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  นักวิชาการปรับวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดใหม่
  11 กรกฎาคม 2554
 
 


วันที่: 11 กรกฎาคม 2554
ที่มา: เว็บไซต์ อสมท
ลิงค์: www.mcot.net/cfcustom/cache_page/236438.html

กรุงเทพฯ 11ก.ค.-นักวิชาการ เผย วัยรุ่นไทยมีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินผิดวิธี เฉลี่ยกินยาต่อปีสูง 16 ล้านเม็ด เตือนส่งผลต่อระบบฮอร์โมน ประจำเดือนผิดปกติ บางรายแพ้มีอาการอาเจียน เวียนศีรษะ พร้อมเผยต่างประเทศมีการปรับวิธีการรับประทานยาใหม่ให้ได้ประสิทธิภาพมาก ขึ้น 2 เม็ดหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 120 ชั่วโมง

ในการเสวนาวิชาการเรื่อง "ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ฉุกคิดก่อนใช้ ป้องกันท้องไม่พร้อมจริงหรือ : ข้อเท็จจริงที่หลายคนยังไม่รู้" ผศ.ภญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันพบวัยรุ่นไทยอายุต่ำกว่า 20 ปี มีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากขึ้น และส่วนใหญ่เป็นการใช้ยาที่ผิดวัตถุประสงค์ของการป้องกันเพื่อคุมกำเนิด ทำให้แต่ละปีมีการบริโภคยาคุมกำเนิดสูงถึง 8 ล้านกล่อง หรือคิดเป็น16 ล้านเม็ดต่อปี ทั้งนี้ข้อบ่งชี้ของการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะกระทำต่อเมื่อ ไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดตามปกติได้ ถูกข่มขืน ถุงยางอนามัยร่วง หรือห่วงอนามัยหลุด ไม่ใช้เพื่อการทำแท้ง หรือยุติการตั้งครรภ์ จากข้อมูลยังพบว่าประสิทธิผลในการใช้คุมกำเนิดฉุกเฉินในวัยรุ่น มีเพียงร้อยละ 60 -90 เท่านั้น

รศ.นพ.อรรณณพ ใจสำราญ ภาควิชาสูติศาสตร์ -นรีเวช คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในต่างประเทศมีการปรับปรุงวิธีการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินให้ได้ ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีการปรับขนาดของเม็ดยา จากเดิม มีขนาด 0.7 มิลลิกรัม เป็น 1.5 มิลลิกรัม ซึ่งจากที่เคยต้องรับประทาน 2 เม็ด ก็จะเหลือรับประทาน 1 เม็ดในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทย ยังไม่มีขนาด 1.5 มิลลิกรัม แต่ขณะนี้มีการปรับวิธีการรับประทานโดยเปลี่ยนจากรับประทาน 2 เม็ด ทันที ภายใน72 ชั่วโมง เป็น ภายใน  120 ชั่วโมง ส่วนผลเสียของการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินผิดวิธีนั้น นอกจากจะส่งต่อเรื่องของฮอร์โมนในร่างกาย อาจมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องประจำเดือน อาจมามากผิดปกติ หรือกระปิดกระปอย นอกจากนี้ยังส่งผลให้เกิดอาการแพ้ยาได้บางรายมีอาการอาเจียน ร้อยละ 20 เจ็บเต้านม ร้อยละ 10 ซึ่งสิ่งสำคัญการใช้ต้องถูกวิธี และกระทำเพื่อการป้องกันในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย