“วิทยา”  เผย ทราบตัวการขโมยยาหวัด สัปดาห์หน้า  ลั่นกรณี รพ.กมลาไสย รอรายงานข้อมูลเพิ่ม ปลัด สธ.แจง เข้าข่ายการขโมยยา

วันนี้ (16 มี.ค.)  นายวิทยา บุรณศิริ  รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข (สธ.)  กล่าวว่า   กรณีที่มีกระแสข่าวยาแก้หวัดที่หายไปจากโรงพยาบาลกมลาไสย โรงพยาบาลชุมชน ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งยาที่หายไปนั้นเป็นยาแอคติเฟด  ยาแก้ไข้หวัดต้องห้าม ที่ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ซึ่งได้หายไปจากห้องเก็บยา จำนวน 3.5 แสนเม็ด ว่า กรณีได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ได้ทำรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว คาดว่าสัปดาห์หน้าจะทราบผลชัดเจน ขณะที่กรณีก่อนหน้านี้ที่มีการสอบสวนการเบิกจ่ายยาซูโดอีเฟดรีน ใน จ.อุตรดิตถ์ และ อุดรธานี จะทราบผลการสอบสวนในสัปดาห์หน้าเช่นกัน

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สำหรับกรณีโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ นั้น เบื้องต้นคาดว่าเป็นเรื่องการลักทรัพย์ ขโมยยาออกไปขายภายนอก แต่ไม่ทราบชัดเจนว่าเอาไปขายให้ใครทำอะไร ทราบเพียงว่าไปขายให้กับคนๆ หนึ่งที่ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งได้หนีหายไปแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างติดตาม อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นมีผู้เกี่ยวข้อง 7 คน แต่ผู้ขโมยมีเพียง 1 คน เป็นเจ้าพนักงานเภสัช ซึ่งทำหน้าที่คุมสต็อกยาใหญ่ แล้วกระจายยาไปตามสต๊อกยาเล็ก เช่น สต๊อกยาผู้ป่วยใน  และผู้ป่วยนอก  และผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยสร้างข้อมูลเท็จการเบิกจ่ายยา เช่น  เบิกจ่ายจริงแค่  10  เม็ด  แต่เขียนเพื่อเบิกจากสต๊อกใหญ่ มา 100 เม็ด ที่เหลือจากการใช้ก็นำไปจำหน่าย  ส่วนมูลค่านั้นตกราคาเม็ดละ 1.75 บาท

นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า   อย่างไรก็ตาม การพบการกระทำผิดของ รพ.ดังกล่าวเกิดจากการที่ สธ.สั่งตรวจสอบ จึงพบว่า มีการเบิกจ่ายที่ผิดปกติ โดยมาตรการคุมเข้มต่อไป คือ เตรียมตัวประชุมผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ สสจ.ทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อให้มีการทำรายงานการเบิกจ่ายยาที่ใช้ในโรงพยาบาลมากที่สุด อาจจะเป็น 10 รายการแรกที่มีการเบิกจ่ายบ่อย เป็นต้น

 “ในส่วนของยาที่ถูกขโมยไปไม่ได้มีแค่ยาแก้หวัดเท่านั้น แต่อาจมียาปฏิชีวนะด้วย ซึ่งยังไม่ทราบว่าเอาไปจำหน่ายเพื่อประโยชน์การใด  อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องรอการสืบสวนข้อมูลก่อน ขณะที่ทางจังหวัดเองก็มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว” นพ.ไพจิตร์ กล่าว