วันที่: 18 พฤษภาคม 2555
ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ลิงค์: www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9550000061384

อย.ดึงเอกชนลงนามบันทึกความร่วมมือ คุมเข้มการใช้ซูโดอีเฟดรีน พร้อมเรียกประชุมทำความเข้าใจการขายวัตถุตำรับ ที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสม มั่นใจทุกภาคส่วนจะเข้าใจหลักปฏิบัติร่วมกัน และดูแลไม่ให้รั่วไหลไปเป็นส่วนผสมของยาเสพติด

วันนี้ (18 พ.ค.) ที่โรงแรมริชมอนด์ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยต่อสื่อมวลชน ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มอบหมายให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้าเดิม ทั้ง 56 ราย เป็นผู้ขายยาแก้หวัดที่มีซูโดอีเฟดรีน เป็นส่วนผสมในลักษณะที่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อย.จึงได้จัดประชุมเพื่อประสานความร่วมมือการกำกับดูแลซูโดอีเฟดรีน ร่วมกับภาคเอกชน กว่า 100 คน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ผลิต/ผู้นำเข้า เข้าใจหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข ให้ขายวัตถุตำรับที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสม และลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในการกำกับดูแล การขายวัตถุตำรับที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสมระหว่างผู้ที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข และ อย.

ทั้งนี้ ภายในงานยังจัดให้มีการบรรยายหลักปฏิบัติสำหรับผู้ที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงสาธารณสุข ให้ขายวัตถุตำรับที่มีซูโดอีเฟดรีนเป็นส่วนผสม และการบรรยายพร้อมสาธิตโปรแกรม FDA Reporter ซึ่งเป็นระบบควบคุมการขายยาซูโดอีเฟดรีนทุกสูตร เพื่อให้ อย. และผู้ขายสามารถตรวจสอบได้ทันที ซึ่งระบบนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2555 นอกจากนี้ อย.ยังจัดให้มีการเปิดประเด็นซักถามเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน

นพ.พิพัฒน์ กล่าวในตอนท้ายว่า กรณียาซูโดอีเฟดรีน เป็นยาที่มีความจำเป็นในการบรรเทาอาการของโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ลดน้ำมูก แก้คัดจมูก และบรรเทาอาการอักเสบของช่องหูตอนกลาง ซึ่งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการรักษา ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดการขาดแคลนยาเกิดผลกระทบต่อผู้ป่วย อย.จึงได้วางมาตรการการดำเนินงานในการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้นำซูโดอีเฟดรีนไปใช้ในทางที่ผิด สำหรับการจัดประชุมและลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ อย.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลังการประชุม ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนจะเข้าใจหลักปฏิบัติร่วมกัน รวมทั้งผสานร่วมมือกันในการกำกับดูแลมิให้วัตถุตำรับที่มีซูโดอีเฟดรีนออกนอกระบบ นับเป็นการประสานความร่วมมือครั้งใหญ่ของทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะร่วมมือกันขจัดปัญหายาเสพติดของประเทศให้หมดไป