|
|
|
|
สถิติ
|
ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6646734 การเปิดหน้าเว็บ:9507055 Online User Last 1 hour (0 users)
|
|
|
|
|
|
|
ระวัง! กรดทีซีเอ เสี่ยงเสียโฉมถาวร |
|
|
|
10 มีนาคม 2556
|
|
|
|
วันที่: 10 มีนาคม 2556<br>ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์<br>ลิงค์: <a href="http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000029432" target="blank">www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000029432</a><br><br><br><br><br><br> รองอธิบดีกรมการแพทย์ เตือนอันตรายวัยรุ่นที่นิยมซื้อ กรดทีซีเอ ใช้เองผ่านเว็บไซต์ เพื่อทาหน้าหวังให้ขาวใสเรียบเนียนเหมือนดาราเกาหลี เสี่ยงเสียโฉมถาวร จากฤทธิ์ของกรดกัดหน้าลึกลงไปถึงหนังแท้ กลายเป็นแผลเป็น ไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ชี้กรดชนิดนี้มีความเข้มข้นสูง ทางการแพทย์ใช้รักษาผู้ป่วยโรคผิวหนัง ไม่สามารถนำมาผสมเป็นครีมทาหน้าทำให้หน้าขาวใสได้ แนะนำวิธีการดูแลผิวหน้าด้วยตนเอง หมั่นทาครีมบำรุงทุกคืน<br> <br> นายแพทย์จิโรจ สินธวานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันวัยรุ่น หนุ่มสาวไทย ให้ความสำคัญกับความสวยงามของผิวพรรณหน้าตาอย่างมาก และต้องการมีผิวขาวหน้าใสเรียบเนียนไร้สิวฝ้าตามกระแสนิยมเหมือนดาราเกาหลี และมีการใช้กรดทีซีเอ (TCA : Trichloroacetic Acid) มาใช้ลอกผิวหน้า หรือลบรอยหลุมสิว หรือใช้กรดชนิดนี้มาจี้ฝ้ากระเองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่รู้ถึงอันตรายที่จะเกิดตามมา โดยวัยรุ่นสั่งซื้อกรดชนิดนี้มาจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีให้เลือกจำนวนมากและมีคำแนะนำในการใช้ รวมทั้งยังมีกระทู้ต่างๆถาม-ตอบเกี่ยวกับการใช้กรดชนิดนี้ด้วย ทำให้วัยรุ่นหลงเชื่อมากขึ้น<br> <br> นอกจากนี้ยังสามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าตามบูธขายสินค้า ที่ตั้งตามห้างสรรพสินค้า ที่ผ่านมามีวัยรุ่นหลายรายที่ซื้อครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของกรดทีซีเอจากอินเทอร์เน็ต อ้างสรรพคุณทำให้หน้าขาวใสรอยหลุมสิวได้เพียง 1 สัปดาห์ เมื่อนำไปใช้แล้วเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง ผิวหนังที่ใบหน้าบวม แดง มีน้ำเหลือง และกลายเป็นรอยไหม้ดำทั่วใบหน้า อาจไม่สามารถรักษาให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก<br> <br> นายแพทย์จิโรจ กล่าวว่า กรดทีซีเอ มีลักษณะเป็นของเหลวใส มีความเข้มข้นแตกต่างกัน ตั้งแต่ 10-100 เปอร์เซ็นต์ เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่ากรดเอเอชเอ (AHA) ที่ใช้ทำเป็นครีมหน้าขาวใส และสำนักงานคณะกรรมการอาหาหารและยา หรือ อย.ยังไม่อนุญาตให้นำกรดทีซีเอมาผสมเป็นครีมทาหน้าขาวใส นอกจากจะมีผู้ลักลอบนำมาผสมในครีมทาหน้าขายผ่านอินเทอร์เน็ต<br> <br> เนื่องจากกรดชนิดนี้มีความรุนแรงมาก เป็นกรดที่แพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคผิวหนังได้เพียงอย่างเดียว เช่น หูด สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย จุดด่างดำ ไฝ และติ่งเนื้อเล็กๆ ที่ขึ้นตามลำคอ เพื่อลอกผิวออกใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น ไม่ควรซื้อมาทำเองที่บ้านอย่างเด็ดขาด ซึ่งในการลอกผิวหน้า แพทย์จะทากรดทิ้งไว้แค่ 3-4 นาทีแล้วล้างออก หากทิ้งไว้นานกว่านี้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิว ทำให้ผิวหน้าไหม้ และหากใช้กรดทีซีเอที่มีความเข้มข้นสูงจะมีฤทธิ์กัดทำลายผิวหนังถึงชั้นหนังแท้ อาจเกิดรอยแผลเป็นบนใบหน้า ไม่วิธีรักษาให้หายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และหลังจากลอกหน้าแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เพราะจะทำให้แสบหน้า เนื่องจากผิวหน้าที่โดนลอกนั้นจะบางลง ประการสำคัญห้ามใช้ลอกหน้าในผู้ที่เป็นเริม ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ผิวหนัง ลักษณะเป็นตุ่มใสเล็กๆ เนื่องจากจะทำเริมกระจายทั่วใบหน้าได้<br> <br> ขอแนะนำวัยรุ่นว่า อย่าหลงเชื่อซื้อกรดชนิดนี้ผ่านอินเทอร์เน็ตมาใช้เองอย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้หน้าเสียโฉมได้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณหรือใบหน้าขอให้ไปรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น แต่หากต้องการใช้ครีมทาหน้าขาวใส ควรเลือกใช้ครีมที่มีส่วนประกอบของเอเอชเอ ซึ่งเป็นกรดจากผลไม้ เช่น อ้อย ส้ม แต่ปริมาณเอเอชเอที่ผสมในครีมต้องไม่เกิน 4 เปอร์เซ็นต์จะปลอดภัยกว่า นายแพทย์จิโรจ กล่าว<br> <br> นายแพทย์จิโรจ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับวิธีการดูแลรักษาผิวหน้าให้ขาวใส ไร้สิว ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง คือการล้างหน้าบ่อยๆ ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารกันแดดทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน และทาครีมบำรุงตอนกลางคืนทุกคืน ในการนวดหน้าให้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดดและสารเอเอชเอ และควรทำเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป จึงจะเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด และขอให้เลือกซื้อเครื่องสำอาง และครีมบำรุงผิวหน้า ผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ซึ่งจะมีการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ได้เกณฑ์มาตรฐาน เพื่อคุ้มครองสุขภาพแก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้ใช้สินค้าถูกต้องตามฉลากแนะนำ และปลอดภัย และหากมีปัญหาด้านโรคผิวหนังหรือปัญหาผิวพรรณ สามารถติดต่อหรือสอบถามได้ที่สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ โทร.023548036-40 หรือเว็บไซต์ www.inderm.go.th<br><br><hr>
|
|
|
|
|
|