ASTV ผู้จัดการออนไลน์ :วันที่ 14 มีนาคม 2554
สปสช.ใช้ระบบบริหารจัดการกลุ่มยาและวัคซีนแนวใหม่
เพื่อผู้ป่วยเข้าถึงยาจำเป็นราคาแพงและวัคซีนได้ถ้วนหน้า เผย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี
49 เพื่อส่งเสริมผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าถึงยาต้านไวรัส
ก่อนขยายไปยังยาวัณโรค ยา จ.2 ยาราคาแพง ยาจิตเวช ยากำพร้า
หวังให้ประชาชนเข้าถึงยา และเพื่อให้หน่วยบริการบริหารจัดการง่ายขึ้นซึ่งจะทำให้คนป่วยได้เข้าถึงยาราคาแพงโดยเฉพาะผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
นพ.วินัย
สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)
กล่าวว่า การดำเนินการยุทธศาสตร์ด้านยาและวัคซีนของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี
2554 มีสิทธิประโยชน์ครอบคลุม 10 กลุ่ม
ซึ่งเป็นการจัดระบบเฉพาะเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นและที่ผ่านมามีปัญหาในการเข้าถึง
ประกอบด้วย 1.ยาบัญชี จ.2 ซึ่งมีราคาแพงแต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้
2.ยาจิตเวช คือ ยาริสเพอริโดน รักษาโรคจิตเภท
และยาเซอร์ทราลีน รักษาโรคซึมเศร้า 3.ยากำพร้ากลุ่มต้านพิษ สำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษจากภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม
4.ยาโคลพิโดเกรล สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ 5.ยา deferiprone (GPO-L1) ยาขับเหล็กสำหรับผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
5.วัคซีนพื้นฐานสำหรับสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค 6.วัคซีนสำหรับโรคไข้หวัดตามฤดูกาล 7.ยาต้านไวรัสเอชไอวี
8.ยาต้านวัณโรค 9.ยาโอเซลทามิเวียร์ สำหรับโรคไข้หวัดนก
เลขาธิการฯกล่าวว่า ยาและวัคซีนทั้ง
10
กลุ่มนั้น สปสช.ได้ดำเนินการในลักษณะการบริหารจัดการเฉพาะ เพื่อให้หน่วยบริการมียารองรับในการใช้กับผู้ป่วยอย่างทั่วถึง
ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้ง่ายขึ้น และหน่วยบริการไม่ต้องเสียเวลากับการบริหารจัดการดังกล่าว
โดยสปสช.เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2549 โดยการการจัดตั้งกองทุนเอดส์
การบริหารจัดการเฉพาะผู้ป่วยวัณโรค การจัดทำบัญชียา จ.2 เพิ่มการเข้าถึงยาจิตเวช
และเพิ่มการเข้าถึงยากำพร้ากลุ่มยาต้านพิษ เป็นต้น
เภสัชกรหญิงเนตรนภิส
สุชนวนิช ผู้ช่วยเลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า
การบริหารจัดการยาและวัคซีน 10 กลุ่มดังกล่าวข้างต้น
ล้วนมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาอย่างถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นยาราคาแพง
หรือกลุ่มยาที่มีผู้ใช้น้อย แต่มีความจำเป็นต้องใช้ รวมถึงกรณีโรคระบาดต่างๆด้วย
ซึ่งการจัดระบบนี้ สปสช.ออกแบบให้หน่วยบริการสามารถจัดการได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับผู้ป่วยเข้าถึงยาอย่างถ้วนหน้านั่นเอง
..
|