search ค้นหาภายในเว็บไซต์
 
 
โลโก้ กพย. โลโก้ สสส.
 
ลิงค์
บล็อก กพย.

เว็บไซต์ KnowSteroid

Facebook โฆษณา

Facebook สเตียรอยด์
Facebook Twitter
Youtube กพย.



สถิติ

ปรับปรุง : 7/03/2018
สถิติผู้เข้าชม:6529164
การเปิดหน้าเว็บ:9373181
Online User Last 1 hour (0 users)


 
  เรื่อง “วัณโรค”
  27 กรกฎาคม 2554
 
 


วันที่: 27 กรกฎาคม 2554
ที่มา: คอลัมน์ชีวิตและสุขภาพ บ้านเมืองออนไลน์ (www.banmuang.co.th)
ลิงค์
: www.banmuang.co.th/BKK.asp?id=243287


คงจำกันได้ว่า สมัยหนึ่งเมื่อยังไม่มียารักษาวัณโรค ผู้ป่วยทั่วโลกต้องป่วยเจ็บล้มตายด้วยโรคนี้เป็นอันมาก เมื่อมียาสเต็ปโตมัยซินออกมาเป็นตัวแรกที่ใช้ฆ่าเชื้อวัณโรค ก็ยังไม่สามารถกำจัดโรคนี้ออกไปได้ทั้งหมด จนกระทั่งมีการพัฒนายารักษาวัณโรคขึ้นมาอีกมากมายหลายตัว รวมทั้งมีวัคซีนฉีดสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กแรกเกิดด้วย ทำให้ชาวโลกคาดหวังว่าจะสามารถกำจัดเชื้อวัณโรคตัวร้ายนี้ออกไปจากโลกมนุษย์ ได้โดยเด็ดขาด ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งก็ใกล้ความเป็นจริงในสมัยที่ผ่านมาแล้ว

แต่ ชาวโลกก็ต้องผิดหวังอีก เพราะเมื่อโรคเอดส์ระบาดทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายในประชากรจำนวนมากทั่ว โลก รวมทั้งความอ่อนแอทางด้านสุขภาพของมนุษย์โดยทั่วไปในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง อื่นๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหลอดเลือด เป็นต้น ทำให้เชื้อวัณโรคได้โอกาสกลับมาระบาดอีกอย่างกว้างขวาง

ความรู้ทั่วไป เกี่ยวกับวัณโรค

วัณโรคคืออะไร

วัณโรค คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ที่ติดต่อโดยทางเดินหายใจ แล้วเข้าไปเติบโตและทำลายปอดหรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ทำไมจึงเกิดการติดเชื้อวัณโรค

เชื้อวัณโรคอาศัยอยู่ในปอดของผู้ป่วยที่เป็นโรคและยัง ไม่ได้รับการรักษา เมื่อผู้ป่วยไอหรือจาม เชื้อที่มีขนาดเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่านี้ก็จะกระจายไปยังอากาศ จากนั้นถ้ามีบุคคลอื่นมาหายใจรับเชื้อเข้าไปก็อาจเกิดโรคขึ้นได้

การ ติดเชื้อนี้เกิดในกรณีที่ผู้ป่วยและผู้รับเชื้ออยู่ใกล้ชิดกัน และใช้เวลาอยู่ด้วยกันพอสมควร เช่น อยู่ในบ้านหลังเดียวกันหรือทำงานในห้องเดียวกัน

การป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังคนรอบข้างทำอย่างไร

ทำได้โดยการกินยาให้ครบตามที่แพทย์ สั่ง ในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่เริ่มกินยา ควรหยุดพักอยู่กับบ้าน งดไปทำงาน หรือไปโรงเรียน

หลังรักษาไปแล้ว 2 สัปดาห์การแพร่เชื้อจะลดลงมาก ผู้ป่วยที่กินยาสม่ำเสมอและติดเชื้อที่ไม่ดื้อยา สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เช่น กินข้าวร่วมกับคนอื่น อาศัยหรือทำงานอยู่ห้องเดียวกันได้

ห้องที่ผู้ป่วยพักควรเป็นห้อง โล่งที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก แสดงแดดส่องได้ทั่วถึง เวลาที่ผู้เป็นโรคไอหรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก การติดเชื้อจะไม่เกิดในกรณีที่ใช้ของร่วมกัน การที่กินยาเป็นประจำจนโรคหายขาดนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ตัวของท่านหายจากโรค แต่ยังเป็นการช่วยเหลือญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิทของท่านไม่ให้ต้องเป็นโรคได้


(ข้อมูลจาก คลินิกอายุรกรรมทั่วไป โรงพยาบาลพญาไท
2 - www.phyathai.com)