วันที่: 23 มีนาคม 2555 ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์
วิทยา ปฏิเสธไม่เคยรับรายงานกรณีคนสนิท ขรก.ระดับสูง เอี่ยว ยาซูโดฯ ย้ำ หากผิดจริงพร้อมตัดทิ้ง ปลัด สธ.คอนเฟอเรนซ์ นพ.สสจ.ทั่วประเทศ
วันนี้ (23 มี.ค.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามสอบสวนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มีการสั่งซื้อและเบิกจ่ายยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนที่เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ซึ่งพบราว 10 แห่ง ขณะที่มีการเผยว่าเภสัชกรที่เกี่ยวข้องเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และมีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ว่า กรณีที่ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ออกมาระบุว่า มีคนสนิทข้าราชการระดับสูงใน สธ.เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ว่า ตนไม่ได้รับรายงานใดๆ จากที่ปรึกษาเลย ทราบเพียงมีการตรวจพบความผิดปกติที่โรงพยาบาล (รพ.) ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ดังนั้น กรณีที่ นายพสิษฐ์ พูดถึงถือเป็นความเห็นส่วนตัว สิ่งที่กล่าวก็ไม่ได้รับการยืนยันชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกับใคร เป็นคนสนิทของข้าราชการระดับสูงคนไหนอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ไม่ใช่ตน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอ นายพสิษฐ์ รายงานชัดเจน พร้อมทั้งหลักฐานที่กล่าวถึง ว่า มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อได้รับหลักฐานจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการพิเศษตรวจสอบด้วยหรือไม่ และกังวลหรือไม่ว่ากรณีดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาภายในกระทรวง ที่อาจส่งผลต่อการทำงาน นายวิทยา กล่าวว่า ไม่ต้อง เพราะหากมีหลักฐานพิสูจน์จริง ก็คงว่ากันไปตามความผิดว่าเกี่ยวข้องกับใคร และจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งหากผิดจริง นิ้วไหนเสียก็ต้องตัดทิ้ง ส่วนจะเป็นปัญหาภายในหรือไม่ ไม่น่าเกี่ยวข้อง ซึ่งตนมองว่า เรื่องการเบิกจ่ายยาซูโดฯ ผิดปกติน่าจะเป็นเรื่องของ รพ.มากกว่า
ผู้สื่อข่าวยังถามถึงกรณีเปิดเผยความสัมพันธ์ของเภสัชกรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน นายวิทยา กล่าวว่า ทราบเพียงว่า เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน ซึ่งอาจทำให้รู้จักกัน และมีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน แต่จะเชื่อมโยงว่า ทำเป็นกระบวนการร่วมกันด้วยหรือไม่ อันนี้ต้องอยู่ที่การตรวจสอบต่อไป
ปัญหายาเสพติด เป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ซึ่งรับรองว่ากันไปตามผิด ใครไม่ผิดก็ไม่โดน อย่างล่าสุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้โทร.มาคุยถึงเรื่องนี้ ว่า จะทำเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตนก็เห็นด้วย เพราะทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการถูกผิด ดังนั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ รัฐบาลต้องปราบปรามอย่างแน่นอน นายวิทยา กล่าว
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวภายหลังการประชุมคอนเฟอเรนซ์กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ทั่วประเทศ ถึงมาตรการคุมเข้มเกี่ยวกับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ว่า ตนได้เน้นย้ำใน 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องการระงับการสั่งซื้อ และจ่ายยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนอย่างเด็ดขาในทุกแห่ง และ 2.เรื่องระบบการบริหารจัดการยาและเวชภัณฑ์ เพื่อแก้ปัญหา รพ.ขนาดเล็ก โดยเฉพาะโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ที่ส่วนใหญ่บุคลากรจำกัด มีเภสัชกรเพียง 1 คน ทำงานทุกอย่าง ตรงนี้กำชับในเรื่องการอุดช่องโหว่ โดยให้มีการส่งบุคลากรเพิ่มเติมเข้าไปช่วยด้านการบริหาร และปรับระบบให้มีความชัดเจน ไม่เอื้อต่อการกระทำผิด โดยเฉพาะการคุมสต๊อกยา ขณะที่ รพ.ขนาดใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีคณะกรรมการบริหารงานและเวชภัณฑ์คอยตรวจสอบอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ประมาท ได้สั่งการให้ตรวจสอบทั้งหมดเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผลการสอบสวนกรณี รพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ทางจังหวัดได้รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงมายังส่วนกลางแล้วว่า มีมูลความผิดจริง ทั้งในส่วนของเภสัชกร และผู้อำนวยการ รพ.ซึ่งผู้อำนวยการ รพ.ผิดในแง่ของการกำกับดูแลที่ไม่ดีพอ ซึ่งตนได้สั่งให้ทั้งเภสัชกร และผู้อำนวยการ รพ.ย้ายเข้ามาทำงานในส่วนกลางระหว่างรอการสอบสวนวินัยต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคในการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ในส่วน รพ.ที่เกี่ยวข้องทั้ง 10 แห่ง ที่เคยเปิดเผยไปนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งคาดว่า จะชัดเจนไม่เกิน 2 สัปดาห์ ซึ่งในส่วนของ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตนยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ กรณี รพ.ในสังกัด สธ.ที่เกี่ยวข้องทั้ง 10 แห่งนั้น ไม่ใช่แห่งใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการรวมกับกรณีเก่าด้วย ซึ่งจะเหลือ รพ.ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบอีกไม่ถึง 5 แห่ง ซึ่งยังเปิดเผยชื่อไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างตรวจสอบ
กรณีที่ปรึกษาเผยมีคนสนิทข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้อง นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า หากมีหลักฐานก็พร้อมจะตรวจสอบหาผู้กระทำผิด ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้หากใครผิดก็จะชัดเจนด้วยตัวเอง ส่วนจะส่งผลต่อขวัญกำลังใจคนทำงานหรือไม่ ยังไม่อยากให้คิดขนาดนั้น ขอเพียงตอนนี้ทำงานให้ดีที่สุด ตรวจจับผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็วดีกว่า
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่าสามารถยกระดับยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน จากยาควบคุมพิเศษ ให้เป็นกลุ่มยาวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ส่วนเรื่องการควบคุมยาดังกล่าว ทาง อย.เข้มงวดมาโดยตลอด ซึ่งช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทาง อย.ได้ให้ลดจำนวนการผลิตยาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากปัญหายาแก้หวัดสูตรผสมซูโดเอฟิดรีนนั้น มีข้อมูลจากทาง ป.ป.ส.กรมศุลกากร และจากทาง อย.พบว่า ตั้งแต่ปี 2551-2554 มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดที่พบของกลางเป็นยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีนสูตรผสมจำนวนมากกว่า 40 คดี โดยพบของกลางเป็นยาดังกล่าวประมาณ 48 ล้านเม็ด ซึ่งในจำนวนนี้เป็นยาที่ผลิตในประเทศเพียง 8 ล้านเม็ด ส่วนที่เหลืออีกถึง 40 ล้านเม็ด เป็นยาที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน
|